เด็กแว๊น

เด็กแว๊น คือ เด็กซิ่งแมงกะไซ หนวกหูๆ ชีวิตเค้าจะว่างๆ ไม่ค่อยมีอะไร

แบ่งเป็น2ประเภท

1. เด็กแซบ คนขับนั้นเอง หรือเด็กแว๊นตัวผู้ มีหน้าที่บิดรถส่ายไปมา แม้ทางจะตรงและว่างก็ยังส่าย -*-
2. เด็กสก๊อย หรือเด็กแว๊นตัวเมีย มีหน้าที่นั่งซ้อนท้ายนั้นเอง นิยมเสื้อกล้าม ผูกผมเป็น2ข้าง ทาปากแตงหน้าจัดๆ นิยมอุทัยทิพย์ บางรายอาจมีการพกตุ๊กตาหมีไปด้วย

เด็กแว๊น
กลุ่มผู้มีปัญหาทางสังคม นิยมชมชอบในการนำมอเตอร์ไซค์ มาทำการดัดแปลง ให้ เร็วขึ้น เสียงดังขึ้น
นิยมอยู่กันเป็นกลุ่ม ซึ่งในบางพื้นที่จะมีการแข่งขันมอไซค์กัน บนท้องถนนซึ่งสร้างปัญหาให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ข้อ สันนิษฐาน คำว่า แว๊น น่าจะมาจาก เสียงจากท่อไอเสียซึง
ดัดแปลงให้มีเสียงดังขึ้น เพื่อกวนประสาทประชาชน
ซึ่งเมือ บิด จะเกิดเสียง ดัง แว๊นๆๆๆ............แอ๋นนนนนนนนนนนนนน....

ลักษณะการแต่งตัว
*เด็กแซบ
จะสังเกตง่ายๆ คือ กางเกงขาเดฟตัวเล็กมากๆ พร้อมเสื้อสีดำตัวเล็ก หรือ เสื้อที่มี สกรีนลาย Linkin park , Lim Biskiz BodySlam หรือไม่ถ้าเป็นสมัยก่อนก็จะเป็น คนไม่มีแฟน ไม่ก็ เสื้อลายตาราง
บางรายอาจใส่กางเกงขาสั้นแบบที่ผู้หญิงชอบใส่ แต่ที่ขาดไม่ได้โดยเฉพาะวัยรุ่นแถบภาคเหนือจะมีเสื้อไฟ้ว์ ที่เป็นเสื้อกันหนาวข้างในสีส้มๆนะ
(จริงๆคือเสื้อนักบินที่ไว้ใส่ตอนขับเครื่องบิน) ปลอมบ้าง จริงบ้าง แล้วแต่งบประมาณ (ส่วนใหญ่จะปลอม) บางรายอาจพ่วงโซ่ไว้ด้วย
ซึ่งมองแล้วกวนอวัยวะเบื้องล่างผู้คน ฟังเพลงแนว บิ๊กแอส บอดี้แสลม linkin park (ร้องได้ผิดๆถูกๆ แต่แปลไม่ออกแน่นอน)
แต่เรียกตัวเองว่า อีโม (ทั้งๆที่จิงๆแล้วมันยังไม่รู้ว่า อีโม แปลว่าอะไร)

*เด็กสก๊อย
กลุ่มเด็กสาวผู้คลั่งไคล้ ในลัทธิเด็กแว๊น ส่วนใหญ่มักเป็นแฟนเด็กแว๊น ซ้อนมอไซค์ ตระเวนสร้างความรำคาญในยามราตรี
อาจจะมีกลุ่มเด็กล่าแต้มอยู่ด้วย สามารถพบเจอได้ตามรัชดา ซอย 4 และ บาหลี !(ร้านนี้มีแน่นอน เยอะด้วย)

ลักษณะการแต่งตัวที่เห็นชัด แบ่งเป็น 2 แบบ

1. ใส่เสื้อสายเดี่ยวหรือเสื้อกล้ามตัวเล็กและกางเกงขาสั้น
ขาจะลาย เนื่องจากบ่อยครั้งที่โดนท่อไอเสีย ลวกเอา....
ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ และ ออกหาคู่ในยามราตรี

2. ผิวค่อนข้าง ดำทมึน ทรงผมจะเหมือนกับเซทบนมอไซค์ (นึกไม่ออกให้นึกถึงทรงปั๊ปโปเตโต้ อัลบั้มนี้)ย้อมผม
สีทองเป็นกระด่างๆดำๆทองๆ เนื่องจากใช้ยาย้อมผม เกรดต่ำ..
ใช้น้ำยาอุทัยทิพ วันละขวด เพื่อ ปัดแก้มดำๆให้กลายเป็น เอซีมิลาน (แดงดำ)
และใช้ทาปาก จน แดงเหมือนพึ่งไปจกไก่ในเล้ามากินสด..
ใส่ถุงเท้าลูซซอก(ย้วยๆ)ดำๆ และ มักจะหุ่นค่อนข้าง อวบ ใกล้อ้วน ลงพุง (แต่มักใส่เสื้อรัดๆ เพราะมันใจว่า หุ่นดี โธ่ E'ช้างน้ำ)
ขาใหญ่เท่าโต๊ะสนุก เนื่องจากต้องใช้ขาในการสตารต์มอไซ วันละหลายๆครั้ง

จริงๆเมื่อก่อนจะได้ยินคำว่า เด็กแซ้บบบ และ สก๊อยนะ
เด็กแว้นนยังไม่มี เด็กแซ้บ จะมีความหมายคลอบคลุมมากกว่าเด็กแว๊นคือจะไม่จำกัดเฉพาะวงการมอเตอร์ไชค์
แต่จะเหมารวมถึงกลุ่มเด็กที่ชอบทำตัวให้โดดเด่นสะดุดตาชาวบ้านด้วยวิธีการที่ผิดๆเพื่อให้เป็นที่สนใจด้วยวิธีการใดๆก็ตาม
เช่น ชกต่อยกันตามงานคอนเสิร์ต ใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาดบาดตา ไม่ไปเรียนหนังสือ สิงสู่ตามโต๊ะสนุ๊ก แต่ที่มีมากที่สุดก็คือชื่อนชอบการดัดแปลงรถมอเตอร์ไชค์ และมักรวมตัวกันเป็นแก็ง และพัฒนากลายเป็นเด็กแว๊นขึ้นมา สันนิษฐานว่ามาจากการที่คนได้ยินเสียงท่อรถดังแว๊นๆเลยเรียกว่าเด็กแว๊น
แต่เด็กแซ้บบางคนก็ไม่ได้ดัดแปลงรถมอเตอร์ไชค์จนมีเสียงแว้นๆ รถยังคงเป็นเดิมๆอยู่ อาจมีเหตุผลที่ว่า ผู้ปกครองไม่ให้แต่ง ไม่มีตัง เป็นต้น

เด็กสก้อยก็คือแฟนเด็กแซ้บนั่นแหละแต่มีอะไรที่มากกว่าคำว่าแฟน แต่หลังๆไม่ได้ยินคำว่าเด็กแซ้บบหละ จะได้ยินคำว่าเด็กแว็นนมากกว่า แต่คิดว่าคงมีรากศัพท์มาจากเด็กแซ้บบนะ
ปล. รถมอไชค์ที่นิยมจะเป็นตามยุคตามสมัย ไล่มาตั้งแต่ แดช เทน่า มาเป็น เวฟ และล่าสุด มีโอ ปัจจุบันเห็น ฮอนด้า คลิ๊ก กำลังมาแรง

สก๊อยต้อง ใส่กางเกงสีแปร๋น ยี่ห้อเจเจ กับเสื้อนักเรียน หรือเสื้อยืดรัดติ้วตัวเล็ก คนไหนผมยาวก็จะซอยผมซะจนหางม้ากลายเป็นหางหนู ข้างหน้าก็จะไว้ม้าปัด แต่แสกข้างซะยังกะทรงพี่ปั๊บ โปเตโต้ ภาคผมยาว ส่วนคนผมสั้น
ด้วยความที่รร.เค้าห้ามซอยผม มันก็ยังจะเสร่อไปทำกัน พอถูกฝ่ายปกครองตัดผม ก็จะกลายเป็นผมบ็อบที่มีปลายผมตีบๆอยู่ในช่วง 1-1.5 นิ้ว

มาที่การแต่งหน้ากันมั่ง ส่วนมากจะโบกแป้งจนกลายเป็นสีเทาไปทั้งหน้า แล้วก็จะทาปากด้วย tint ยี่ห้อถูกๆขวดละ 20 กว่าบาท ที่หาซื้อตามตลาดนัด
แล้วบางทีก็เอามาปัดแก้มด้วยนะ

Porp ที่ขาดไม่ได้เลย คือ มือถือที่ราคาแพงแสนแพง ไม่รู้ให้พ่อแม่เอาบัตรอิออนผ่อนมากี่งวดแล้ว แต่ละรุ่นใช้ดีกว่านักวิชาการหรือาจารย์มหาลัยบางท่านซะอีก แต่ไม่มีตังค์โทรหรอกนะ ใช้ยิงเอา หุหุ แล้วก็ต้องมีตัวห้อยใหญ่ๆด้วย ยิ่งโตงเตงออกมาเท่าไหร่ยิ่งดี แล้วตามมาด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนน้อย เนื้อผ้าขนหนูที่ห่วยมากๆ สีแปร๋นอีกตามเคย

นอกจากนี้บางคนยังพกกระเป๋าซิปอันเล็ก ที่จะใส่แป้งฝุ่นแบบวิ้งที่ใช้พอกหน้าให้เป็นสีเทานี่แหละ แล้วก็อาจมี tint ที่เอาไว้เติมหน้าเติมปาก ชม.ละครั้งด้วย แต่มือถือกับผ้าเช็ดหน้านี่ต้องถือเอานะ ต้องโชว์ เค้ามีไว้โชว์ อ้อ แล้วในกระเป๋านั่นก็ไม่ค่อยมีตังค์เท่าไหร่หรอก ถ้าคนไหนใช้แบบพลาสติกใส เราจะเห็นเลยว่ามีแบงค์ 20 เก่าๆ นอนอยู่ก้นกระเป๋าแค่ 3-4 ใบเท่านั้น

แก๊งมอเตอร์ไซค์กวนเมืองที่นัดรวมตัวกัน “บิด” เพื่อความเมามันบนท้องถนน จนเป็นที่รำคาญของผู้คนเกิดมานานแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้ เพราะวัยรุ่นเหล่านี้มีความว่องไวในการหลบหนี จนคนระดับเสนาบดีต้องยอมยกธงขาวมาแล้ว วัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เคยดำริให้มีการจัดสนามแข่งให้พวกเขา และเธอเหล่านี้ได้ระบายออก

นักซิ่งมอเตอร์ไซค์จอมป่วน ผู้ทำหน้าที่นักบิด จะเรียกตัวเองว่า “เด็กแว้น” หรือบ้างก็เรียกว่า “เด็กแซป” คำว่า แว้น ล้อมาจากเสียงแผดของ ท่อไอเสียมอเตอร์ไซค์ที่บิดออกมา แว้นๆ แต่ละครั้ง ขณะที่ สาวน้อยหน้าแฉล้ม ที่นั่งซ้อนท้าย เธอคือ “สก๊อย”
คำว่า “เด็กแซป” มาจาก แซปคุง ส่วน “สก๊อย” มาจาก สก๊อยจัง ซึ่งเป็นตัวละครในหนังสือการ์ตูน ญี่ปุ่น ที่ออกแบบขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 7 ปีมอนสเตอร์คลับ โดยทั้งสองเป็นคู่ขาตุนาหงันกัน
เด็กๆ เหล่านี้จะมีบุคลิกลักษณะเฉพาะ โดย เด็กแว้น จะต้องใส่ “กางเกงรัดขาลีบๆ และสวมเสื้อยืดสีดำ” ไว้ผมทรง “ปั๊บ โปเตโต้” แบบ เซอร์สุดๆ (ทรงหัวยุ่งๆ นั่นแหละ)

ขณะที่ สก๊อย จะใส่เสื้อยืดรัดติ้ว หรือไม่ก็ สายเดี่ยว เกาะอก เห็นสัดส่วนกันจะจะ กางเกงขาสั้นเอวต่ำ แบบไม่เกรงใจพ่อแม่ ที่สำคัญ “ต้องโชว์ขอบกางเกงในด้วยนะจ๊ะ” ส่วนใบหน้าเธอสังเกตง่ายๆ จะทา “หน้าขาววอก ปากแดงแจ๋” โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะใส่รองเท้าแตะแบบนิ้วคีบเท่านั้น
แก๊งมอเตอร์ไซค์ซิ่ง เหล่านี้ จะยึดพื้นถนนที่โล่งตามสี่แยกในตัวเมืองและนอกเมืองในยามค่ำคืน ที่ปลอดตำรวจ วนเวียนไปเรื่อยๆ แล้วแต่สถานการณ์ หากย่านใดถูกตำรวจไล่จับก็จะหนีไปที่อื่นๆ อาทิ ถนนบางขุนเทียน-บางบอน ถนนวงแหวนช่วงตลิ่งชัน-บางบัวทอง ถนนพุทธมณฑลสาย 2, 4 ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงแยกสุทธิสารถึงแยกลาดพร้าว ถนนบางพลี-บางโฉลง ตัดออกไปทางบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
นอกจากนี้ ก็ยังมีบริเวณถนนรอบเมืองและรอยต่อปริมณฑล เช่น ถนนสุขสวัสดิ์ ช่วงหน้าวัดสนเขตราษฎร์บูรณะจนถึงแยกพระประแดง ถนนราชพฤกษ์ เส้นด่านต่างระดับจรัญสนิทวงศ์ 13 ถึงด่านตากสินเพชรเกษม ลานพระบรมรูปทรงม้า แยกกองทัพภาคที่ 1 หน้าสวนอัมพร ถนนอู่ทองใน ด้านหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ถนนศรีนครินทร์ จากแยกศรีอุดมถึงถนนเทพารักษ์ ใน จ.นนทบุรี ก็จะซิ่งกันบน ถนนรัตนาธิเบศร์ ตัดกับ ถนนกาญจนาภิเษก ฯลฯ

วัยรุ่นเหล่านี้เขาต้องการอะไร?
นัท หนึ่งในผู้หลงใหลเสียงแว้นๆ เล่าว่า วัยรุ่นขี่รถซิ่งกวนเมือง นับร้อยๆ คัน ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มที่กลับมาจากเที่ยวกลางคืน หลังผับเลิก และนัดกันขี่รถมอเตอร์ไซค์เที่ยวต่อ เมื่อไปเจอกลุ่มรถซิ่งอีกกลุ่มก็ค่อยๆ รวมตัวเข้าด้วยกัน แล้วก็แห่ขับตามกันไป จากกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 10-20 คัน ก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วขับกันไปกันยังจุดที่เป็น “ทำเล” เหมาะๆ เช่น สี่แยกใหญ่ๆ หรือถนนเส้นที่เป็นเส้นตรงทั้งกว้างและยาว
หากไม่มีสนามอย่างที่ว่า ก็จะขับโฉบไปรอบๆ เมือง บิดคันเร่งส่งเสียงดัง หรือไม่ก็ โชว์ลีลากวนประสาท เช่น ยกล้อ ขับด้วยการนอนราบไปกับเบาะ หรือขับรถปาดหน้ารถคันอื่นเพื่อกวน บางคนก็ต้องการซิ่งโชว์ลีลาสก๊อยที่นั่งซ้อนท้ายแต่ละคัน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านหรือไปรวมตัวกันที่ ไหนต่อ

“พวกเราชอบซิ่งรถโฉบไปโฉบมาเพื่อเอามันส์อย่างเดียว ไม่ได้แข่งซิ่งจริงๆ จังๆ อะไร เพราะหลังผับเลิกก็ไม่รู้จะไปไหนก็เลยแห่กันไปซิ่งรถเล่น ยิ่งพอได้เห็นกลุ่มอื่นๆ ที่ขี่ซิ่งกันมาด้วยเยอะๆ ก็เข้าไปร่วมด้วย วิ่งเกาะกันเป็นกลุ่ม เป็นการเฮตามกันไปเท่านั้น แต่พอเจอตำรวจคราวนี้ก็ตัวใครตัวมัน” นัทว่า

‘แดร็กไบค์’ การพนันแลกเงิน/สก๊อย
อีกก๊วนไม่ซิ่งเปล่า แต่ท้าทายกันด้วยการแข่งขัน โดยจะจับคู่กันวัดให้เกมไปเลย เอ๋ นักซิ่งวัยโจ๋ เล่าว่าตอนนี้เทรนด์ความนิยมแข่งรถซิ่งของเด็กวัยรุ่น จะนิยม “แดร็กไบค์” (Drag Bike) เป็นการแข่งรถเป็นคู่ หรือ 2 คัน เพื่อวัดว่าใครเร็วกว่ากัน
“เราวัดระยะทางกันที่ 402 เมตร ทางตรงอย่างเดียว โดยเฉลี่ยใช้เวลาไม่เกิน 10 วินาทีเท่านั้น สนนวงเงินเดิมพันนับหมื่นบาท และเด็กส่วนใหญ่ที่ไปแข่งจะไปกันเป็นกลุ่มกลุ่มละ 10 กว่าคน ซึ่งแต่ละกลุ่มไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่เป็นที่รู้กันในกลุ่มว่า เวลานี้ และถนนเส้นนี้มีการแข่งรถซิ่ง โดยเฉพาะคืนที่มีคู่เดิมพันสูงๆ ก็จะมีรถซิ่งจำนวนมากมาร่วมเชียร์
“บางคนไม่แข่งพนันกินตังค์ แต่พนันด้วยรถที่ใช้แข่งนั่นแหละ แต่ก็มีบ้างบางคนเดิมพันสก๊อย ที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มาด้วย ในช่วงวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ การแข่งซิ่งจะเยอะมาก เพราะแต่ละคนอยากจะนำรถมาอวดโชว์ ซิ่งโชว์กัน”

เอ๋ บอกว่า เขาชอบแข่งแดร็กไบค์ ในคืนวันเสาร์ และอาทิตย์ เพราะจะมีวัยรุ่นมาร่วมเชียร์ นับร้อยคัน ถ้าคืนไหนมีคู่ “บิ๊กแมตช์” เช่น เด็กกรุงเทพฯ กระเป๋าหนัก แข่งกับ เด็กนครนายก หรือ เด็กปทุมธานี คนก็จะเยอะ เพราะเเป็นการแข่งเพื่อวัดศักดิ์ศรีกันระหว่างเด็กเมืองและต่างจังหวัด

ก่อนลงสู่สนาม ทั้งสองฝ่ายจะมอบเงินพนันที่ตกลงกันไว้ให้กับคนกลางเป็นผู้ถือเก็บไว้ และรออยู่ตรงจุดเส้นชัย แต่ถ้าเดิมพันด้วยรถแข่ง ก็จะจับมือสัญญากันว่า ถ้าใครแพ้จะต้องยกรถคันนี้ให้กับคนชนะไป

0 Comments:

Post a Comment



 
Serenity Blogger Template