NGV vs LPG

สังคม ได้ร่วมกันพิพากษาว่า ผู้ใช้แกส LPG เป็นเชื้อเพลิง เป็นผู้ที่เห็ นแก่ตัว ทำให้ระบบการใช้ พลังงานของประเทศผิดพลาด สูญเสียเงินตราต่างประเทศ เอาเงินกองทุนมาโอบอุ้ม ฯลฯ

ข้อมูลจากสำนักงานพลังงานแห่งชาติ http://www.eppo.go.th
ล่าสุด บอกว่า

1. เบนซิน 95 ราคาหน้าโรงกลั่น 16.03 บา่ท
โดนภาษี + ค่า ฯลฯ รวมๆแล้ว 8.18 บาท
แ่ต่ขายออกไป 25.92 บาท ขอกำไร 1.71 บาท ( 10.7%)
ปั้ม ขาย 26.04 กำไรประมาณ 12 สตางค์/ลิตร

2. แกสโซฮอล์ .. ได้รับการช่วยเหลือสารพัดจากรัฐ ทั้งภาษีต่ำกว่า ( 22.2% เทียบกับ 25.3%
ของ 95), เข้ากองทุนต่ำกว่า ( 0.94 เทียบกับ 2.50) .. แต่โรงกลั่นก็ยังฟัน .. ขายออกไปที่
ปั้มด้วยราคา 24.71 บาท/ลิตร .. กำไร 11.56% !!!
ปั้มขาย 24.54 ... ได้ส่วนต่าง 13.28 สตางค์/ L
( มากกว่า 95)

3. LPG หละ ? ( ผู้ร้ายปากแข็งนะ)
ราคาออกจากโรงกลั่น 12.96 บาท/กิโลกรัม (ไม่ใช่ต่อลิตร .. LPG 1 kg = 1.92L)
ได้รับเงินชดเชยสารพัด( ?) ทำให้ราคาที่ออกไปแค่ 13.33 บาท/ kG ... หรือส่วนต่าง 0.37
บาท/ kG (0.72 B /L) .. น่าให้โมโหไหมครับ .. สูบเลือดสูบเนื้อกองทุนชดเชย เพื่อความสบาย
ของคนไม่กี่พันคน

แต่ ... ราคามาถึงปั้มแกส .. 16.59 บาท/ kG ครับท่าน! ส่วนต่างคือ 3.26 บาท/ kG ( หรือ
6.26 บาท/ L!!!!) .. ในขณะที่ของ 95 แค่ 1.71 บาท/ L เท่านั้น

เงินชดเชย รัฐจ่ายออกไป 2.8 บาท/ kG
แต่หารู้ไม่ว่า บ.ฟาดค่าส่วนต่างเข้ากระเป๋าตัวเอง 3.26 บาท/ kG

เท่านั้นยังไม่พอ .. ปั้มแกสรับแกสเข้ามาที่ราคา 16.59/kg (+VAT 23 สตางค์) แต่
***ควรจะ*** ขายออกไปที่ 16.81/kg (8.74 บาท/ L) ซึ่งจะได้กำไรกิโลละ 22.45 สตางค์
หรือ 43 สตางค์ต่อลิตร

น้ำมันทั้งหมด กำไร 12-13 สตางค์/ลิตร
แต่แกส กำไร 43 สตางค์์/ลิตร

ปั้ม LPG ที่ไหนขาย 8.74/L มั่ง ??
ขายกัน 9.50/L ทั้งนั้น
นั่นคือ กำไร 2.19 บาท/ลิตร !!!!!
( ทั้งๆที่บริการอื่นๆ ไม่มีให้แม้ซักอย่าง)

ส่วนต่างนี้ อยู่ที่กระเป๋าใคร ?
อยากให้ดูให้ดีๆครับ ว่า ใครคืิอคนที่"ปล้น" กองทุนน้ำมันตัวจริง

น่าเปิดปั้ม LPG จริงๆเนาะ ..

ปั้มแกสในกรุงเทพและปริมณฑล มีประมาณ 50 ปั้ม
ขายแกส ปีละประมาณ 500 ล้านลิตร ก็กำไรกันรวมๆ ราว 1,000 ล้านบาท ... 20 ล้าน/ปั้ม

น่าเปิดปั้ม LPG จริงๆเนาะ ..

วิเคราะห์ข้อมูล ตาราง 16, LPG

1. เราส่ง LPG ออกขายต่างประเทศครับ .. ไม่ได้ขาดแคลนอะไรเลย
ปี 02 ส่งออก 1,269 ล้านลิตร
ปี 03 ตัวเลขขึ้นเป็น 1,426 และ 1,648 ในปี 04
ปี 05 คาดว่า ตัวเลขแตะ 2,000 ล้านลิตรครับ

ส่ง LPG ออกขาย แต่ซื้อ NGV มาขายต่อ
พิก๊ล

ส่งออก มันจะได้เงินเท่าไหร่กันเชียว ? ทางผู้ซื้อเขาย่อมกดราคาอยู่แล้ว ไหนจะค่าขนส่งอีก ...
พลังเงินเพื่อใครหว่า ?

2. กลับมาที่ LPG อีก .. ตัวเลขจาก EPPO ฟ้องว่า
2.1 มีการใช้ LPG เพื่อการหุงต้มเดือนละประมาณ 100-125 ล้านกิโลกรัม ( 200-250 ล้านลิตร)
.. เป็นของกรุงเทพประมาณ 50%
2.2 ใช้กับยานยนต์ 50 ล้านลิตร (คงที่) (ต่างจังหวัด น้อยมาก ตัดทิ้งได้)
2.3 ใช้กับอุตสาหกรรม 60-80 ล้านลิตร เท่านั้น

ฉนั้น การที่มีคนมาอ้างว่า LPG ไม่ควรนำมาเผาทิ้งในยานยนต์ เพราะสามารถนำไปแปรรูปเพื่มมูลค่า
ได้ มากกว่ามาก .. ตัวเลขข้อ 2.3 นี้ ชี้ชัดว่า .. ประเทศไทย แทบไม่มีอุตสาหกรรมที่เพิ่มมูลค่า
LPG เลย (ค่าคงที่มานานแล้ว)

จาก ( 1) และ ( 2) รวมกันคือ
มีการผลิต LPG เดือนละประมาณ 530 ล้านลิตร
ส่งขายต่างประเทศ 200 ล้าน
ใช้หุงต้ม 200 ล้าน
ใช้กับยานยนต์ 50 ล้าน
ใช้แปรรูปเพิ่มมูลค่า 80 ล้าน

3. การส่งออก สมมุติว่า ได้ราคาดี เงินไหลเข้าประเทศที่ 10 บาท/ลิตร (เหลือเชื่อ) ก็จะได้เงิน
เข้าประเทศเดือนละ 2,000 ล้านบาท (ผ่านกระเป๋าใครก่อน อย่าไปสนใจมาก)
แต่เราต้องเสียเงินซื้อพลังงานยานยนต์ .. เบนซินลิตรละ 15 บาท ( ต่ำกว่าเป็นจริง) ..
ถ้าเปลี่ยน LPG ที่ส่งออกนี้ ให้ใช้ในยานยนต์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ

3.1 ประหยัดเงินตราไหลออก 5 บาท/ลิตร * 200 ล้านลิตร/เดือน หรือ 1,000 ล้านบาท/เดือน
ทันที!!!
3.2 ประหยัดค่ารักษาพยาบาลอันเนื่องมาจากมลพิษในอากาศ .. วัดไม่ได้ ( LPG มี waste
product น้อยกว่าเบนซินเกือบ 20 เท่า)

4. จาก ( 2) ใช้ LPG 50 ล้านลิตร/เดือน
กระทู้ก่อนๆของผม ประมาณการว่า มีปริมาณยานยนต์ที่ใช้ LPG คือ ประมาณ 50,000 คัน .. เฉลี่ย
1,000L/ คัน/เดือน .. เป็นตัวเลขที่สอดคล้องกัน น่าเชื่อถือได้ระดับหนึ่ง
จำนวนนี้ ส่วนใหญ่เป็นแทกซี่
เก๋ง ใช้ไม่ถึงเดือนละ 1,000L หรอกครับ ( 10 กม/ลิตร = 10,000 กม/เดือน)

ประมาณว่า เก๋ง ใช้เชื้อเพลิงเฉลี่ยเดือนละ 500L (5,000 กม)

หากไม่มีการส่งออกแกส .. ปริมาณแกสที่มี พอที่จะเติมให้รถเก๋งได้อีก 200 ล้าน/ 500 = สี่แสนคัน

5. ตัวเลขทั้งหมด ที่ผมนำมาจาก EPPO เป็นของ ปตท.
ถ้าตัวเลขที่แท้จริง รวมของรายอื่นๆด้วย .. สมมุติเป็นตัวคูณเพิ่มอีก 2 แล้วกัน ( ปตท. กินรวบ
50%)

จะพบว่าตัวเลขข้อ ( 2) น่าจะเปลี่ยนแปลงดังนี้
LPG น่าจะผลิตประมาณ 1,500 ล้านลิตร
ส่งขายต่างประเทศ 400 ล้าน
ใช้หุงต้ม 400 ล้าน
ใช้กับยานยนต์ 100 ล้าน
ใช้แปรรูปเพิ่มมูลค่า 160 ล้าน

ถ้าไม่ส่งขายต่างประเทศ .. จะเป็นพลังงานให้รถยนต์ได้ 400 ล้าน/ 500 .. แปดแสนคัน
ประหยัดเงินตรารั่วไหลไปต่างประเทศ 400 ล้าน * 5 ... 2,000 ล้านบาท/เดือน

มาเรียกร้องให้เราประหยัดพลังงานทำซากอะไรก็ไม่รู้แฮะ

รู้ไหมว่า ทำไมต้องผลักดัน NGV

เพราะมันขายไม่ออก .. เจ๊ง!!!

ดูตาราง 25 มันฟ้อง

ปตท.เป็นผู้ซื้อหาจำหน่าย NGV แต่เพียงผู้เดียว (absolute monoploly) .. ตัวเลขนี้จึงสะท้อนถึง
ปตท.เท่านั้น บ.น้ำมันอื่นๆไม่เกี่ยวข้อง
million standard cubic feet per day

ในปี 2000 มีการนำเข้าแกส 164 ล้านคิวบิคฟุต/วัน ( MMS C :PersonNameFD) + ผลิตเอง
1,948 ล้านคิว

ปี 2001 ตัวเลขคือ 496 และ 1,900
ปี 2002 = 617 + 1,986
ปี 2003 = 686 + 2,106
ปี 2004 = 726 + 2,158

ผลิตได้ คงที่ ( 2,000 +/-100)
นำเข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ( 500 -> 726) ?

ไม่ค่อยจริงเท่าไหร่ .. เพราะการนำเข้าเริ่มลดลงเรื่อยๆ
(growth rate จาก 24% ในปี 01 เหลือ 6% ในปี 04)

ถ้าไม่ทำอะไร .. จะขาย NGV ไม่ได้
ไปตกลงซื้อของๆเขามา เงินจ่ายไปแล้ว ขายไม่ออก จะทำอย่างไร ?
( ไอ้ส่วนที่ว่า ผลิตในประเทศหนะ ... มันผลิตได้คงที่ และใช้ในการปั่นไฟ และอุตสาหกรรมไปหมด
แล้ว)

วางแผนผิดนี่หว่า .. จ่ายเงินซื้อของมาขาย แต่ไม่มีคนซื้อ
แผนการตลาดง่ายๆ .. บังคับให้ลูกค้าในประเทศ ซื้อส่วนนี้มันซะเลย

บังคับโรงงาน ใช่ว่าจะบังคับได้ .. เพราะถึงโรงงานอยากจะซื้อมาขยายงาน แต่เครื่องจักรมันแพ๊งง
งงงงงงงง ผลิตออกมามากๆ สินค้าจะไปขายใคร ?

บังคับ หลอกลวง ล่อขาย พวกเจ้าของรถยนต์ที่กำลังจะตายเพราะราคาน้ำมัน ง่ายที่สุด
(FUD technique .. Fear, Uncertainty, Doubt)

ได้ผลครับ ได้ผล

อัตราการใช้ NGV ปี 2005 เพิ่มพรวด
จาก 6.2 ในปี 04 เป็น 20.9 ในปี 05 นี้!!!

20.9 .. เพิ่มจากยอดไหนทราบไหมครับ ?

เพิ่มจากยอดการนำเข้า NGV ครับ
ไม่ใช่เพิ่มการผลิตในประเทศ (ตามที่โฆษณาตูมๆๆ ว่า พลังไทยเพื่อใคร)

( ดูตาราง 22 .. การผลิต/นำเข้า/ใช้ ของ NGV ประกอบ)

ยิ่งมีการใช้ NGV เพิ่ม .. ยิ่งเสียเงินตราไปให้ต่างประเทศเพิ่ม ..
ไม่ได้ลดการสูญเสียเงินตราเลย

ฉนั้น ใครที่คิดว่า ใช้ NGV เพื่อช่วยชาติ .. คิดใหม่ได้เลย ..
คุณกำลังช่วย ปตท.ส่งเงินตราประเทศไทย ไปให้พม่า

รัฐบาลบอก (ผ่าน บ.ธรรมาภิบาลแห่งหนึ่ง)ว่า
NGV ผลิตในไทย ช่วยกันใช้ เพื่อสงวนเงินตราของประเทศ
แต่กลับไปซื้อจากต่างประัเทศเข้ามาจำหน่าย

รัฐบาลบอก (ผ่าน บ.ธรรมาภิบาลแห่งหนึ่ง)ว่า
LPG ต้องเอาเงินจากกองทุนฯ มาพยุงราคา ราคาจริงสูงกว่านี้
แต่กลับส่งไปขายต่างประเทศ ในราคาถูกๆ

รัฐบาลบอก ( ผ่าน อ.มหาวิทยาลัย และสื่อ) ว่า
NGV ปลอดภัย , LPG อันตราย
แต่บังคับเข้มเรื่องความปลอดภัย ของยานยนต์ติดตั้ง NGV ไม่กี่พันคัน ในขณะที่ไม่ได้กังวลเรื่องความ
ปลอดภัยของยานยนต์ นับหมื่นๆคันที่ติดตั้ง LPG

ขอออกความเห็นเพิ่ม
- ใครที่ว่าใช้ LPG แล้วเครื่องพังเร็ว ?
ผมเคยเป็นเซลส์ตัวเล็กๆมาก่อน
20 กว่าปีที่แล้วตอนนน้ำมันแพงก็ใช้ LPG แหละ
วิ่งไม่น้อยกว่า Taxi
เอาเป็นว่าบริษัทยางยินดีให้ใช้ยาง( รุ่นใหม่ก่อนออกตลาด) ทดลองฟรี
รถใช้อยู่ไม่มีปัญหา ยกเว้นอัตราเร่งอืดกว่าใช้น้ำมัน
- เครื่องยนต์สะอาดกว่ารถธรรมดาที่ใช้น้ำมัน
มันเผาใหม้หมดจรดกว่า
แทบไม่มีคราบเขม่า
- น้ำมันเครื่องใช้ได้นานกว่าปกติเพราะแทบไม่มีเขม่าไปผสม
ที่มีเพราะผมใช้น้ำมันเครื่องหยดลงไปด้วย
สมัยนั้นบ่า Valve ไม่แข็งเหมือนสมัยนี้
-LPG ปกติไม่มีกลิ่นแต่โรงงานผลิตจะใส่กลิ่นไข่เน่าให้
เผื่อเวลามันรั่วออกมาจะได้รู้ว่ามันรั่วจะได้หาสาเหตุว่ามันรั่วที่ใหน
-LPG ไม่ใช่ gas อันตรายสำหรับสุขภาพ
ถ้าเปรียบเทียบกับน้ำมันเติมรถที่ปกติเราใช้กันอยู่
ม่ายงั้นป่านนี้บรรดาสามีทั้งหลายได้เฮกันแล้ว
บรรดาภรรยาที่ทำกับข้าวใช้ LPG เช้ากลางวันเย็น
ตายหมด ผมจะได้ขอเฮด้วยคน ตอนนี้ยิ่งเล็งเอ๊าะๆไว้ด้วย
แบบขนอุยๆเชียวแหละ ซี้ดดดดด
แต่เมียผมหนังเหนียวหว่ะ เหี่ยวเลยกรู
- สุดท้ายนี้ขอให้สังเกตุ Taxi นะครับ
เวลานั่งอ่ะ เห็นเลขไมล์แล้ว ตกกระจายโหมะเยย
ปี 2 ปีที่แล้ววิ่งกัน 3-4 แสนโลสบายๆใช้ LPG ทั้งนั้น
มาตอนนี้มีคนบอกว่าใช้ LPG แล้วเครื่องพังเร็ว
อิ อิ อมพระทั้งโบสถ์มาพูดให้ฟังผมก็ไม่เชื่อ
สรุป LPG แทบไม่มีปัญหาครับ
อาจจะมีแต่เมื่อเทียบเป็น%แล้วมันแทบไม่มีนัยสำคัญ
ส่วนเรื่องราคาผมเชื่อคุณแมวเหมียวฯครับ
ใครจะยกตัวอย่างอะไรมาก็แล้วแต่
อ่านแล้วไม่โปร่งใสหว่ะ
LPG ของในประเทศเหลือเฟือ(แถมเป็น B y product)
จะขึ้นราคา(สาเหตุเพราะของที่กรูจะขาย แม่มไม่มีใครสน)

ไม่ใช่เพราะผมได้หน้า (แต่แหม .. มันก็ปลื้มเล็กๆอ่ะ )
แต่เพราะไม่ต้องการให้คนไทย กลายเป็นทาสในเรือนเบี้ยของสภานายจ้่าง .. เหมือนคนหลายร้อยคน
ที่ขายตัวไปแล้ว

พลังของพวกเรา เหมือนน้ำถังเล็กๆ
แน่นอนว่า ไม่สามารถต่อต้านไฟกองใหญ่ ที่กำลังเผาผลาญประเทศอยู่ทุกวันนี้ได้ ... แต่ .. ลดคนที่
จะต้องเสียเงินจำนวนมากให้ บ.นายทุนภิบาลได้คนนึง ก็ถือว่ากำไรคนนึง ลดได้ร้อยคน ก็กำไรร้อยคน

เราไม่มีอะไรจะเสียกันอีกแล้ว
น้ำมันลิตรละยี่สิบกว่าบาท และไม่มีทางหยุดที่สามสิบบาทได้

คนที่ติดแกส ไม่มีเงินอยู่แล้ว หนีจากค่าน้ำมันที่แพงดับดิ้น ไปเจอ NGV ที่แพงค่าติดตั้ง แพงค่าใช้งาน
แพงค่าดูแล ... มันน่าเจ็บใจแทน

.. ที่ผมว่า แพงค่าใช้งาน ไม่ใช่พูดลอยๆ ..
แกสธรรมชาติอัดแรงดันสูงมาก ( :PersonName C NG) ให้พลังงานสูงก็จริงอยู่ แต่ต้องเปิดโอกาส
ให้มันด้วย
มันมี octane 135-140 .. จะให้พลังงานออกมาเต็มที่ ต้องใช้แรงอัดสูง ไฟแก่ (ทฤษฎีคือ
15:1-18:1, เพิ่มไฟไฟ + 10 องศา)
แต่รถเก๋ง ขนาดปรับเต็มที่ ยังได้แค่ 11-12:1 ... ทิ้งพลังงานเสียเปล่าไปเท่าไหร่

ถึงมันจะถูกกว่า LPG .. แต่ใช้แปดส่วน ทิ้งสองส่วน .. ทำร้ายโลกชัดๆ

ผมไม่อยากจะพูด .. ถ้ามีการเติมสารให้กลิ่น ( Ethyl Mercaptan) ลงไปในแกสธรรมชาติอัดแรง
ดันสูงมาก ( C NG) ... ต่อให้เป็นระบบหัวฉีด กลิ่นก็ยังคงจะฟุ้งออกมาฟ้องว่า ยังมีแกสธรรมชาติอัด
แรงดันสูงมาก ( C NG) ที่ไม่ได้เผาไหม้ เหลือในท่อไอเสียจำนวนมากนะ

มีเธน ( องค์ประกอบของแกสธรรมชาติอัดแรงดันสูงมาก ( :PersonName C NG)) เป็นสารทำลาย
ชั้น Ozone .. เคยคิดถึงตรงนี้กันบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

ที่ว่าแพงค่าใช้งาน อย่างที่สองคือ ปั้มแกสธรรมชาติอัดแรงดันสูงมาก ( :PersonName C NG) มันไม่
มีเกลื่อนเมืองหรอก ( และยากที่จะมี เพราะการขนส่ง ถ่ายเท เก็บกัก มันยากและแพงมากๆ) ..
เวลาที่ต้องเสียไป เพราะการเติมแกสธรรมชาติอัดแรงดันสูงมาก ( :PersonName C NG) ทุกๆ
150-200 กม. มันคุ้มที่ไหนกัน

อย่าลืมว่า คนส่วนใหญ่ที่หนีค่าน้ำมัน คือ คนค่อนข้างจน มนุษย์เงินเดือน ไม่ใช่เศรษฐีที่มีรถตำรวจนำ
หน้า

เปลี่ยนไปใช้แกสธรรมชาติอัดแรงดันสูงมาก ( C NG) เมื่อไหร่ ก็คือจำกัดตัวเองว่า ต้องอยู่ใน
ปริมณฑลเท่านั้น ออกต่างจังหวัด เตรียมกระเป๋าฉีก

ค่าดูแลยานยนต์ที่ใช้ระบบแกสธรรมชาติอัดแรงดันสูงมาก ( C NG) ไม่ใช่ถูก ใครที่คิดจะติด ควรถามอู่
ก่อนว่า ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ ดูแล ฯลฯ ในปีต่อๆไปนั้น ปีละเท่าไหร่ ? ถังใช้งานได้กี่ปี ฯลฯ
จะไม่นำมาคิดไม่ได้ เพราะถังแกสธรรมชาติอัดแรงดันสูงมาก ( :PersonName C NG) แรงดันสาม
พันสี่พันปอนด์ ไม่ใช่ถูกๆเหมือน LPG ที่แรงดันไม่ถึงร้อยปอนด์ ไม่ได้นะ

..................

สำหรับคนที่มั่นใจว่าแกสธรรมชาติอัดแรงดันสูงมาก ( C NG) นี้ ปลอดภัยกว่า LPG อยากให้ลองคิดหา
คำตอบของคำถามว่า

1. ทำไมถึงไม่อนุญาตให้ใช้แกสธรรมชาติอัดแรงดันสูงมาก ในครัวเรือน ทั้งๆที่
- พลังงานความร้อนสูง (จนใช้ในรถยนต์ได้)
- ราคาถูกมาก (ช่วยประชาชนประหยัด และลดต้นทุนการผลิตสินค้าบริโภค)
- ปลอดภัยสูงกว่า LPG ( ไม่ไวไฟ)

2. ถ้าหากมีแกสรั่วไหลเข้าไปในตัวรถ คนขับจะรู้ได้อย่างไร ?
เพราะทั้ง :PersonName C NG และ LPG ไม่มีกลิ่น
แต่ LPG มีการเติมกลิ่นผสมเข้าไป ถ้ารั่วไหลเข้ารถ จะได้กลิ่นทันที

หากมีการรั่วไหลเข้าไปมากพอ .. แกส C NG เบากว่าอากาศ จะลอยขึ้นอยู่ระดับหลังคารถ ไล่ต่ำลง
มาเรื่อยๆ
ในกรณีอย่างนี้ ถ้าคนขับ จุดบุหรี่สูบ (เพราะไม่ได้กลิ่นแกส) จะเกิดอะไรขึ้น

3. LPG ติดไฟที่อุณหภูมิประมาณ 450 องศา ต่ำกว่า C NG รัฐบาลจึงบอกว่า ไม่ปลอดภัย
ดีเซล ติดไฟที่แถวๆ 380 องศาครับ ไวไฟกว่ากันเยอะ แต่ทำไมไม่มีใครฟันธงว่า มันอันตราย
( เบนซิน .. ไม่ต้องพูดถึง )

เอาข่าวมาให้อ่านนะครับ
และช่วยดูให้ดีๆ ตรงที่ผมทำตัวหนา
โดยเฉพาะที่ขีดเส้นใต้

ข่าวร้ายของ NGV " แผนทำปั๊มเอ็นจีวีปตท.สะดุด
กระทรวงพลังงาน หนุนการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซฯ ทดแทนน้ำมัน ดึงกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ปตท.
และปตท.สผ. นำร่องผลิต LNG

ฯลฯ

เพื่อสนองนโยบายของกระทรวงพลังงาน ในการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติทดแทนน้ำมัน โดย
เฉพาะจากแหล่งก๊าซธรรมชาติในประเทศ บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท.สำรวจและ
ผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามในกรอบความร่วมมือดำเนินการทดลองร่วม 3 ฝ่าย
เพื่อนำก๊าซธรรมชาติที่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตปิโตรเลียม ณ ฐานผลิตหนองตูม-เอ จังหวัดสุโข
ทัยในโครงการเอส 1 ซึ่ง ปตท.สผ.เป็นผู้ดำเนินการอยู่ไปใช้ประโยชน์ โดยคาดว่าจะสามารถทดแทน
การใช้น้ำมันดีเซลได้ประมาณปีละ 7.3 ล้านลิตร หรือคิดเป็นมูลค่า 177 ล้านบาทต่อปี

พิธีลงนามในโครงการทดลอง นำก๊าซธรรมชาติที่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมันดิบมาใช้ประโยชน์
แทนการเผาทิ้ง ซึ่งมีนายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานและสักขีพยาน
จัดขึ้นที่อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เมื่อ 28
กันยายน พ.ศ. 2548 โดยมีนายนภดล มัณฑะจิตร อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ นายประเสริฐ บุญ
สัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และนายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้
จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด ( มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ร่วมลงนาม

ฯลฯ

โครงการทดลองนี้จะมีระยะเวลาประมาณ 2 ปี โดยจะนำก๊าซธรรมชาติที่ผลิตขึ้นมาพร้อมน้ำมันดิบ (
Associated Gas) ซึ่งปกติถูกเผาทิ้งในขบวนการผลิตน้ำมันดิบ ณ ฐานผลิตหนองตูม-เอ มาผ่านขั้น
ตอนให้อยู่ในรูปของเหลวหรือ Liquefied Natural Gas (LNG) ก่อนที่จะขนส่งโดยรถบรรทุกไปยัง
จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อแปรสภาพให้เป็น C ompressed Natural Gas หรือ :PersonName C
NG สำหรับจำหน่ายให้ผู้บริโภคใช้ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่งต่อไป

ฯลฯ

โครงการทดลองการนำก๊าซธรรมชาติที่ฐานผลิตน้ำมันหนองตูม-เอ มาใช้ประโยชน์แทนการเผาทิ้งนี้จะ
สร้างมูลค่าให้กับก๊าซที่ปัจจุบันเผาทิ้งนี้คาดว่าจะสามารถผลิต LNG ได้ 15.5 ตันต่อวัน ซึ่งสามารถทด
แทนการใช้น้ำมันดีเซลได้ประมาณปีละ 7.3 ล้านลิตร หรือคิดเป็นมูลค่า 177 ล้านบาท ที่ราคาดีเซล
24.19 บาทต่อลิตร

ฐานผลิตน้ำมันหนองตูม-เอ เป็นฐานผลิตหนึ่งในพื้นที่สัมปทานเอส 1 แหล่งน้ำมันสิริกิติ์ ซึ่งเป็นแหล่ง
น้ำมันบนบกเชิงพาณิชย์แหล่งแรกและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ สุโขทัย
พิษณุโลก และกำแพงเพชร ปัจจุบันฐานผลิตน้ำมันหนองตูม-เอ สามารถการผลิตก๊าซธรรมชาติได้
ประมาณ 2.5 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และคาดว่าในระยะยาวจะมีศักยภาพในการผลิตก๊าซธรรมชาติได้
เฉลี่ยประมาณ 1-2 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

ตลอดระยะเวลา 2 ปีของโครงการทดลองการนำก๊าซที่ฐานผลิตน้ำมันหนองตูม-เอมาใช้ประโยชน์แทน
การเผาทิ้ง กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ จะทำหน้าที่ควบคุมการบริหารโครงการ ควบคุมมาตรฐานความ
ปลอดภัยของโรงงาน รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และตรวจสอบ รวบรวมผลการดำเนินงาน ใน
ขณะเดียวกัน ปตท.สผ.จะดูแลในด้านการส่งก๊าซให้กับโรงงานผลิตและพัฒนาปิโตรเลียมสำหรับแหล่ง
หนองตูม-เอให้มีศักยภาพสูงสุด เพื่อส่งก๊าซธรรมชาติให้กับโรงงานผลิตของ ปตท. ซึ่งควบคุมและดูแล
โรงงานผลิต LNG รวมทั้งการจัดจำหน่ายและศึกษาความเป็นได้ทั้งในทางเทคนิคการผลิตและเชิง
พาณิชย์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เราซื้อแกส :PersonName C NG จากต่างประเทศ

ปี 2001 = 496 ล้าน ลบ.ฟุต
ปี 2002 = 617 ล้าน ลบ.ฟุต
ปี 2003 = 686 ล้าน ลบ.ฟุต
ปี 2004 = 726 ล้าน ลบ.ฟุต

ทั้งที่เราสามารถผลิตได้ วันละ 2.5 ล้าน ... จากบ่อเดียว (ปีละ 8-900 ล้าน)

แต่เราเผาทิ้ง วันละ 15.5 ตัน ( 15,500 กิโลกรัม) !!!

โครงการนี้ ... ถ้าสำเร็จ ประหยัดเงินค่าน้ำมันดีเซลได้ปีละ 7.3 ล้านลิตร หรือ 177 ล้านบาท ..
เยอะมาก ?

แต่ถ้าเปลี่ยนรถยนต์หนึ่งหมื่นคัน ให้ใช้ LPG
จากตัวเลขเดิมที่ผมมั่วมา ว่า รถคันหนึ่งใช้น้ำมันเบนซิน 500 L/ เดือน หรือ 6,000L/ ปี
หมื่นคันก็หกสิบล้านลิตร
รัฐบาล , ปตท ฯลฯ ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องจ่ายเงินให้ก่อน ฯลฯ
แต่ประหยัดเบนซินทันที ปีละหกสิบล้านลิตร
คิดที่ยี่สิบห้าบาท/ลิตร
ประหยัดได้ทันที ปีละสามพันล้านบาท

ตัวเลขผมผิดตรงไหนหรือครับ ?

ประหยัดทำไม ปีละร้อยกว่าล้าน
ในขณะที่ผลาญทิ้ง ปีละสามพันล้าน ??

ซื้อของจากต่างประเทศมาทำไม ปีละเจ็ดร้อยแปดร้อยล้าน ลบ.ฟุต
ในเมื่อเผาของของเราทิ้ง ปีละแปดร้อยเก้าร้อยล้าน ลบ.ฟุต

สำหรับท่านที่มั่นใจในอนาคตสดใส อนาคตโอเลี้ยง ลองอ่านที่ ปตท. (ผู้ผูกขาด :PersonName C
NG) เขาประกาศสู่สาธารณะชน (ตามมาตรฐาน บ.ธรรมาภิบาล)

http://www.pttplc.com/th/ptt_core.asp?page=ps_pr_fu_ga_ng_05

แต่ถ้าท่านไม่มีเวลาอ่าน ผมจะสรุปให้ฟังครับ

1. ประเทศไทยมีรถแท็กซี่ทั้งสิ้นประมาณ 69,000 คัน เชื้อเพลิงส่วนใหญ่ที่ใช้ คือเบนซินและก๊าซหุงต้ม
ซึ่งรถแท็กซี่ที่ใช้แอลพีจีเป็นเชื้อเพลิงนั้น มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 80
( ผมนั่งแท็กซี่มาก็หลายปี แต่ไม่เคยเจอที่ใช้เบนซินเลย)

2. ปัจจุบันรัฐบาลต้องแบกรับภาระเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ติดลบจากการเข้าไป ชดเชยราคาก๊าซ
หุงต้ม
( นี่แหละ ที่ผมถึงหาข้อมูลมายัน .. รัฐบาลจ่ายเงินชดเชย - ขาดทุน แต่ บ.ขาย LPG ฟันกำไรสาม
เด้ง)

3. ก๊าซธรรมชาติเป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่สามารถจัดหาได้ในประเทศ
( แล้วซื้อจากต่างประเทศทำไมเฟ้ย!!!)

4. กทม.ประสบปัญหามลภาวะทางอากาศอันเนื่องมาจากฝุ่นละอองและคาร์บอนมอนอกไซด์สูง เกิน
มาตรฐานที่จะยอมรับได้ ในขณะที่ก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงานที่สะอาด
(LPG มันสกปรกตั้งกะเมื่อไหร่ ?)

5. รัฐบาลจึงได้มีการส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซเอ็นจีวี โดยมุ่งเน้นให้เกิดการใช้พลังงานที่สามารถจัดหา
ได้ในประเทศ และช่วยบรรเทาปัญหา มลภาวะทางอากาศที่เกิดขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันและก๊าซหุง
ต้ม
( แพะ ..... แพะ .... แบะะะะะ)

6. รัฐบาลได้สนับสนุนแผนงาน เพื่อส่งเสริมให้มีการนำก๊าซธรรมชาติ มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคการ
ขนส่ง โดยเฉพาะในช่วงปี 2546-2551 ซึ่งมีหลายแผนงานด้วยกัน เช่น การเร่งขยายจำนวนสถานี
บริการเอ็นจีวี
( ปีนี้ 2550 แล้วครับท่าน ปั้ม :PersonName C NG เพิ่มจากปี 2546 ไปกี่ปั้ม ?)

7. กล่าวโดยสรุป ผลประโยชน์ที่ได้จากนโยบายดังกล่าวคือ เป็นการใช้พลังงานที่มี อยู่ในประเทศให้
เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นการช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ ซึ่ง สามารถประหยัดเงินตราที่
ออกนอกประเทศ
( ตกลงว่า เราจะไม่ต้องซื้อแกสจากพม่าอีกแล้วใช่ไหม ?)

8. นอกจากนั้นก๊าซเอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิงที่เผาไหม้สะอาด ไอเสียที่ออกจากรถจะ สะอาดแทบจะไม่มี
เขม่าควันดำ และสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่าเชื้อเพลิงชนิด อื่น
( กำลังกล่าวหาใครเนี่ย ?)

9. สถานีบริการก๊าซเอ็นจีวี มีจำนวนเท่าไร ครอบคลุมทั่วถึงหรือไม่ ?
- ขณะนี้เปิดให้บริการ 41 แห่ง และในปี 2548 ปตท. จะก่อสร้าง เพิ่มอีก 20 สถานี ซึ่งจำนวน 50
สถานีน่าจะเพียงพอต่อการให้บริการ
( ปีนี้ 2550 แล้วครับ ที่บอกว่า ปี 48 จะสร้างเสร็จอีกยี่สิบสถานี เสร็จจริงเท่าไหร่เอ่ย)

10. อย่างไรก็ตามถังก๊าซเอ็นจีวีเทียบเท่ากับน้ำมัน 20 ลิตร สามารถวิ่งได้ระยะทาง ประมาณ
200-250 กิโลเมตร
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!!!!!
หมายความว่า รถใช้แกส C NG ประหยัดการใช้พลังงาน มากกว่าเบนซิน ? ...

16. NGV จะมีการปรับขึ้นราคาหรือไม่
รัฐบาลได้กำหนดราคาโดยอ้างอิงกับพลังงานเทียบเท่าของน้ำมัน ดังนี้:

ปัจจุบัน - ปี 2549 50% ของราคาขายปลีกดีเซล
ปี 2550 ปรับเป็น 55% ของราคาขายปลีกเบนซิน 91
ปี 2551 ปรับเป็น 60% ของราคาขายปลีกเบนซิน 91
ปี 2552 เป็นต้นไป ปรับเป็น 65% ของราคาขายปลีกเบนซิน 91

ภาวนาว่า เบนซิน 91 ตอนนั้น ไม่เกิน 30 บาท
NGV ก็จะราคา สิบเก้าบาทห้าสิบสตางค์
( ปีนี้ 2550 .. จะราคาประมาณ 25 * 55% หรือ 13 บาท แค่นั้นเอง ..
แต่ถ้าไม่ถึง แสดงว่า ต้องมีการ"อุ้ม" ไม่เบา)

23. ใช้เวลาในการเติมก๊าซ NGV นานเท่าไร ?
>>> เต็มถังประมาณ 3 นาที โดยหากเติมก๊าซเต็มถังจะวิ่งได้ระยะประมาณ 200-300 กม. ขึ้นอยู่กับ
สภาพการจราจร

แอ่นแอ๊นนนน .... พระเอกครับพระเอก
ท่านที่ใช้ C NG โปรดแสดงตน ควักข้อมูลของจริงออกมา

ท่านต้องตัดสินใจแล้วว่า จะอยู่ฝ่้ายธรรมะ หรืออธรรม
กระบี่"ความจริง"ในมือของท่าน จะช่วยเหลือฝ่ายไหน
เอาความจริงมาโชว์ได้เลยขอรับ

ตัวเลขที่ว่ามานี้ จริง หรือไม่จริง
ฟัน ..... ธง

28. ทำไมต้องเปลี่ยนมาใช้ก๊าซ NGV แทนน้ำมัน
1. เพื่อตัวท่านเองเพราะก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิงราคาประหยัด ราคาถูกกว่าน้ำมันมากกว่าครึ่ง นอก
จากนี้ยัง เป็นเชื้อเพลิงที่มีความปลอดภัยมากที่สุดอีกด้วย

( ไม่เชื่อ! ไม่เชื่อ! ไม่เชื่อ!)

2 . เพื่อประเทศชาติเพราะช่วยประหยัดเงินตราต่างประเทศจากการนำเข้าน้ำมัน
( อย่าหลอกให้พวกผม จ่ายเงิน เพื่อซื้อแกสจากพม่าสิครับ)

31. ก๊าซเอ็นจีวี ปลอดภัยต่อการใช้งานหรือไม่
๐ รถยนต์ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีถือว่าปลอดภัยที่สุด เมื่อเทียบกับน้ำมันเบนซิน ดีเซล และก๊าซหุงต้ม ที่เป็นเช่น
นี้ เพราะก๊าซเอ็นจีวีเป็นก๊าซที่เบากว่าอากาศ เมื่อเกิดการรั่วจะกระจายตัวไม่สะสมอยู่บริเวณพื้นดิน
และยังเป็นก๊าซซึ่งไวไฟน้อยกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆอีกด้วย ขณะที่ก๊าซหุงต้มเป็นก๊าซที่หนักกว่าอากาศ
เมื่อรั่วออกจากถังบรรจุ ก็จะสะสมตามพื้น และเรื่องกลิ่นยังเป็นปัญหาใหญ่ รถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซแอลพี
จีหลายคนบอกว่ามีกลิ่นเหม็นทำให้เวียนศรีษะและคลื่นไส้ ขณะที่รถเอ็นจีวี มีกลิ่นเล็กน้อยมาก เติมเพื่อ
ให้เป็นสัญญาณบอกว่ามีการรั่วเกิดขึ้น แต่กลิ่นไม่รุนแรงเหมือนแอลพีจี

โกหก! โกหกคำโตๆ
LPG มีกลิ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ? กลิ่นที่ได้จาก LPG มาจากไหนกันแน่ ?
เรื่องเวียนศรีษะ คลื่นไส้ มาจากอะไรกันแน่
C NG มีกลิ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
ถ้า C NG รั่วไหลเข้าตัวรถ จะไปสะสมที่ไหน ?

ปีนี้ 2549 ครับ .. ฉนั้น :PersonName C NG จะต้องราคา 50% ของดีเซล
เนื่องจากดีเซลราคา(ประมาณ) 24 บาท
C NG ต้องราคาประมาณ 12 บาท

คำถามหลังจากหายมึนคือ

ถ้าปีนี้ C NG ** ต้อง**ราคา 12 บาท
แล้วทำไมยังขายอยู่ที่ไม่ถึงสิบบาทได้ ?

มีการอุ้มหรือไม่ ?

ถ้ามี .. เงินไหน ?

ที่ผมกลัวมากในเรื่องของ :PersonName C NG คือเรื่องนี้แหละครับ
เราไม่เคยรู้มาก่อนว่า มีการอุ้มราคาเบนซิน
จึงใช้กันอย่างเพลิดเพลิน ไม่บันยะบันยัง
จนกระทั่งอุ้มไม่ไหว ปล่อยลอยตัว ราคากระโดดพรวดๆๆ

เรา (พวกที่ใช้รถ) จึงหันมาใช้ LPG

โดยไม่เคยรู้มาก่อนว่า มีการอุ้มราคา LPG
พอมารู้ .. เราก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ก็ไม่เดือดร้อนมาก
เพราะมันถูกกว่าเบนซินมาก
และการอุ้มนั้น ก็อุ้มนิดเดียว ถึงปล่อยลอยตัว ก็ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่

...

แต่ที่เรายังไม่รู้ คือ :PersonName C NG มีการอุ้มเท่าไหร่
พยายามหาราคาที่ซื้อจากพม่า ยังหาไม่เจอ
พยายามหาราคาต้นทุนที่ผลิตจากบ่อต่างๆ ยังหาไม่เจอ

เพราะโดนเผาทิ้ง

พอยิ่งคิดเรื่องโดนเผาทิ้ง ยิ่งหวิวๆ แทนผู้ใช้ :PersonName C NG
เพราะถ้าหากว่า C NG มันต้นทุนต่ำ ... ไร้ค่าโดยสิ้นเชิง จนต้องเผาทิ้ง
แทนที่จะเอามาขาย

แสดงว่า ต้นทุนค่าขนส่ง ค่าจัดเก็บ ค่าขายปลีก ค่าการตลาด ฯลฯ
มันต้องแพงระยิบระยับ
จนไม่คุ้มที่จะเอามาขาย

ต้นทุนซ่อนเร้นเหล่านี้ มันเก็บไว้นานๆไม่ได้
วันใดที่เก็บไม่อยู่ แล้วปล่อยออกมา .. ผู้ใช้ C NG จะทำอย่างไร ?
เข้าคิวครึ่งชั่วโมง เพื่อเติม :PersonName C NG ที่ราคาสิบเก้าบาท อย่างนั้นหรือ

4 Comments:

  1. ไม่ระบุชื่อ said...
    hi every person,

    I identified storyfreetime.blogspot.com after previous months and I'm very excited much to commence participating. I are basically lurking for the last month but figured I would be joining and sign up.

    I am from Spain so please forgave my speaking english[url=http://realrss.info/].[/url][url=http://auwhatsnewtoday.info/bookmarks].[/url][url=http://coolnewideasar.info/forum].[/url]
    ไม่ระบุชื่อ said...
    http://viagraachetergenerique.com/ viagra generique
    http://viagracomprargenericoes.net/ viagra generico
    http://acquistoviagraitalia.net/ viagra acquisto
    http://kaufenviagragenerika.net/ viagra bestellen
    ไม่ระบุชื่อ said...
    It's so small so you can bring it when you travel around. The new features from Roku will start kicking in this week for owners of the Roku steaming video player models Roku 2, Roku LT, and roku HD #2500. Twonky: Streams music, photos and videos to compatible devices in the home.
    ไม่ระบุชื่อ said...
    You will need the best of the best, sounds and samples that is, and you will
    also need to continually expand upon your sound library.
    However, it is much more difficult to do and may not be a viable solution for everyone,*.
    Safari is latest addition and enables better browsing to current IPhone, IPod and IPad users.



    Check out my web blog: macbook pro

Post a Comment



 
Serenity Blogger Template